ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับลงสู่เกณฑ์ ‘ซบเซา’ นักลงทุนคาดหวังปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเงินทุนไหลเข้า ปัจจัยฉุดคือความขัดแย้งระหว่างประเทศและภาวะเงินเฟ้อ
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-28 กุมภาพันธ์ 2568) พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับลงมาอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” ที่ระดับ 66.11 นักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน และการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ สถานการณ์เงินเฟ้อ และการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
● ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พฤษภาคม 2568) อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” (ช่วงค่าดัชนี 40-79) ที่ระดับ 66.11
● ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” ในขณะที่กลุ่มกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”
● หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)
● หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์ (AUTO)
● ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
● ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
“ผลสำรวจ ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับลด 37.9% อยู่ที่ระดับ 50.00 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 25.0% อยู่ที่ระดับ 75.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 3.8% อยู่ที่ระดับ 115.38 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับลด 33.3% อยู่ที่ระดับ 66.67
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 SET Index ปรับตัวอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนเนื่องจากได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย อาทิ ความกังวลต่อสงครามการค้าที่อาจจะรุนแรงขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเริ่มเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโกและจีน ในวันที่ 4 มีนาคม 2568 ผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนรายชื่อหุ้นไทยใน MSCI การทยอยไถ่ถอนกองทุน LTF ที่ครบกำหนด และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนซึ่งมีหลายบริษัทเปิดเผยออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ แม้ว่า กนง จะมีการประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 2.0% ต่อปี โดย SET Index ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ปิดที่ 1,203.72 ปรับตัวลดลง 8.4% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 อยู่ที่ 52,041 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,623 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 18,127 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตามได้แก่ ทิศทางของสงครามการค้าและผลกระทบต่อภูมิภาคเอเชีย การทำข้อตกลงยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ นโยบายการเงินการคลังของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดทุน อาทิ แผนการออกกองทุนใหม่ที่จะให้มีการโยกกองทุนเพื่อการออมระยะยาว (LTF) มาอยู่ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG)”
3264