กรมพัฒน์ คัดผู้ประกอบการสมุนไพร 22 ราย โชว์งาน THAIFEX-Anuga Asia 2025
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คัดเลือกผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพร 22 ราย นำสินค้าจัดแสดงสินค้าในงาน THAIFEX-Anuga Asia 2025 เปิดตัวสู่ตลาดในและต่างประเทศ ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท หลังปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าที่มีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้เปิดรับสมัครผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหารและเครื่องดื่มที่มีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบสำคัญ ที่อยู่ภายใต้การส่งเสริมของกรม เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่มีคุณค่าและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
และคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร 2568 (THAIFEX-Anuga Asia 2025) โดยมีผู้ประกอบการสมุนไพรจากทั่วประเทศสนใจสมัครเข้าร่วมคัดสรรจำนวน 132 ราย และมีผู้ผ่านเกณฑ์และการคัดเลือกจำนวน 22 ราย ซึ่งกรมจะนำเข้าร่วมแสดงผลิตภัณฑ์ในโซนอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรต่อไป
สำหรับ เกณฑ์ในการคัดเลือกมี 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.ความสอดคล้องตามหลักการ SMART Local 2.การใช้นวัตกรรมในการผลิต 3.ผลิตภัณฑ์สามารถนำเสนอจุดเด่นและคุณค่าของสมุนไพร 4.โอกาสในการขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศ และ 5.ศักยภาพโดยรวมของการประกอบธุรกิจ
นางอรมน กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมได้นำผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรเข้าร่วมงาน THAIFEX-Anuga Asia เพื่อสร้างภาพลักษณ์และส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพร ตลอดจนผลักดันคุณค่าของสมุนไพรไทยร่วมกับอาหารและวัฒนธรรมไทย พร้อมทั้งขยายช่องทางการตลาดเชิงรุกทั้งในและต่างประเทศ มาตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 3 ปี
โดยผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบที่ได้เข้าร่วมงาน มีกระแสตอบรับอย่างดีจากนักธุรกิจชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่งผลให้ผู้ประกอบการเกิดแรงผลักดันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยให้มีคุณค่าและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2568 กรมตั้งเป้าสร้างยอดเจรจาธุรกิจให้เกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งในรูปแบบอาหาร อาหารเสริม ยา เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สปาเพิ่มมากขึ้น
โดยประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยเฉพาะในตลาดที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์สมุนไพรสูง เช่น เอเชีย และยุโรป มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น การส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสมุนไพรโลกต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อเพิ่มมูลค่าและศักยภาพทางการแข่งขันของสมุนไพรไทยในตลาดโลก
“การยกระดับสมุนไพรท้องถิ่นสู่ SMART Local Herb เป็นการผสมผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเพาะปลูก การแปรรูป การตลาด ไปจนถึงการสร้างแบรนด์
เพื่อเพิ่มมูลค่าและศักยภาพของสมุนไพรไทยในตลาดโลก และการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสมุนไพรของโลกจะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน ทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการมีรายได้เพิ่มขึ้น”นางอรมนกล่าว