: ข่าวด่วน ทันเหตุการณ์ เศรษฐกิจ การลงทุน หุ้น อสังหาริมทรัพย์ ไอที-เทคโนฯ รถยนต์ ท่องเที่ยว ต่างประเทศ รวดเร็วสดใหม่ทุกวัน 
สุชาติ แนะผู้ประกอบการ เตรียมใช้ประโยชย์ FTA ไทย-เอฟตา ขยายการค้า การลงทุน
สุชาติ เป็นประธานเปิดรับฟังความคิดเห็นความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-เอฟตา ประเดิมที่แรก จ.ชลบุรี เหตุเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้า การลงทุนในภาคตะวันออก เป็นที่ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรม ท่าเรือน้ำลึก ขอผู้ประกอบการศึกษา ใช้ประโยชน์ เหตุเป็นฉบับแรกที่ไทยทำกับประเทศในยุโรป มีโอกาสในการขยายการค้า บริการ ลงทุน และร่วมมือเศรษฐกิจ
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เป็นประธานเปิดการสัมมนารับฟังความเห็นการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (เอฟตา) ณ โรงแรมโนโวเทล มารินา ศรีราชา จ.ชลบุรี หลังจากที่ไทย-เอฟตา ได้ร่วมลงนามความตกลง FTA ระหว่างกัน เมื่อเดือน ม.ค.2568 ที่ผ่านมา ณ เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์
โดยในการจัดงานครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการใช้ FTA ในการส่งเสริมการค้า การลงทุน กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จึงได้จัดกิจกรรมรับฟังความเห็นสาธารณะต่อความตกลงฉบับนี้
ทั้งนี้ ได้เริ่มที่ จ.ชลบุรี เป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจเศรษฐกิจการค้าการลงทุนในภาคตะวันออกของไทย เป็นจังหวัดที่มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ เขตนิคมอุตสาหกรรมในหลายพื้นที่ และเป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึกที่เป็นเส้นทางผ่านสำคัญ ในการนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับประเทศอื่น ๆ และจากนี้ มีแผนที่จะจัดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป
โดยการจัดสัมมนา ผลตอบรับดีมาก มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 150 คน จากผู้เข้าร่วมการสัมมนาทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม เกษตรกร ผู้ประกอบการ ที่อยู่ใน จ.ชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในภาคตะวันออก ตลอดจนผู้เข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์ทาง Facebook Live ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีจำนวนกว่า 150 ท่าน
“ผมอยากให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่รายเล็ก ให้ความสนใจศึกษารายละเอียดของความตกลงฉบับนี้ เนื่องจาก FTA ไทย-เอฟตา เป็นเอฟทีเอฉบับแรกที่ไทยทำกับกลุ่มประเทศในยุโรป ถือเป็น FTA ที่มีความทันสมัยและมีมาตรฐานสูงที่สุดของไทยในขณะนี้ ประกอบด้วยการเปิดตลาดสินค้า การค้าบริการและการลงทุน ตลอดจนความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์กับไทย ซึ่งจะเป็นเครื่องมือช่วยให้สินค้าไทยเจาะตลาดประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเทนสไตน์ ได้ดีขึ้น”นายสุชาติกล่าว
สำหรับ ความตกลงฉบับนี้ คาดว่าจะมีผลใช้บังคับในปี 2569 โดยไทยจะได้รับประโยชน์ในการขยายตลาดส่งออกทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม เช่น ข้าว ผักผลไม้สด อาหารทะเลแปรรูป อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่ม ผลิตภัณฑ์พลาสติก ยานยนต์และชิ้นส่วน อาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงลดต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบ เช่น ชีส เนยแข็ง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการส่งออกกลุ่มอาหารแปรรูป
ในปี 2567 เอฟตา เป็นคู่ค้าที่สำคัญอันดับที่ 14 ของไทย มีมูลค่าการค้ากับไทย 11,788.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1.94% ของการค้าทั้งหมดของไทยกับโลก เพิ่มขึ้น 19.22% โดยไทยส่งออกไปเอฟตา 4,225.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 3.77% และไทยนำเข้าจากเอฟตา 7,563.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 37.59% ไทยเสียเปรียบดุลการค้า 3,338.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยสินค้าส่งออกหลักของไทยไปเอฟตา ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว และผลิตภัณฑ์พลาสติก และสินค้าที่ไทยนำเข้าจากเอฟตา ได้แก่
เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วนประกอบ เนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ปุ๋ย และยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป และเครื่องประดับอัญมณี
