บพท. หนุน ม.ฟาฏอนี พัฒนา AHSAN Trustmark มาตรฐานใหม่รับรองสินค้า นำร่องธุรกิจฮิญาบเพิ่มรายได้ 61%
โดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)
AHSAN Trustmark (อาห์ซานทรัสมาร์ค) “มาตรฐานรับรองผลิตภัณฑ์” จากงานวิจัยโดย มหาวิทยาลัยฟาฏอนี ร่วมกับกรอบการวิจัย “การพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprises) บนฐานทรัพยากรพื้นถิ่น เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่” ที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พัฒนากุญแจดอกสำคัญ “เครื่องมือช่วยสื่อสารและนำเสนอสินค้า” เปิดโลกธุรกิจชุมชนให้กว้างขึ้น เจาะตลาดผู้บริโภคทั้งชาวมุสลิม ผู้บริโภคทั่วไป ตลอดจนคู่ค้าในกลุ่มประเทศอาหรับ ทั้งนี้ การรับรองมาตรฐาน AHSAN Trustmark ไม่ได้เกิดจากการกำหนดโดยหน่วยงานรัฐ แต่เกิดขึ้นมาจากการรวมกลุ่มที่เข้มแข็งของผู้ประกอบการ (Bottom-Up) ฮิญาบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ ให้กับคนในพื้นที่อย่างยั่งยืน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัฮซูม สะตีแม จากมหาวิทยาลัยฟาฏอนี เปิดเผยว่า มาตรฐานการรับรอง AHSAN Trustmark เกิดขึ้นจากการที่คณะวิจัยได้มีโอกาสขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา และในโครงการอาห์ซานทรัสมาร์ค: ฮิญาบและวิถีอาชีพ ภายใต้กรอบการวิจัย Local Enterprises ของ บพท. ทำให้เกิดนวัตกรรม AHSAN Trustmark ซึ่งเป็นมาตรฐานรับรองผลิตภัณฑ์ที่ผสานคุณค่าและความศรัทธาขั้นสูงสุดตามหลักพื้นฐานของศาสนาอิสลาม และชาวมุสลิมทั่วโลกเข้าใจความหมายของ AHSAN ดีว่าหมายถึง “สิ่งที่ดีที่สุด” เป็นการประกอบธุรกิจในวิถีมุสลิมที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล โดยไม่ขัดต่อระบบสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เป็นการประกอบอาชีพ/ธุรกิจเพื่อสร้างรายได้หรือกำไรด้วยความมุ่งมั่นพยายาม และทำอย่างดีที่สุดเพื่อพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพและจริงใจต่อผู้บริโภค ซึ่งสอดคล้องและสามารถบูรณาการได้อย่างลงตัวกับหลักการดำเนินธุรกิจชุมชนด้วยคุณค่า 5 ประการ (5L-Localism) ที่ได้เรียนรู้จาก “คน-ของ-ตลาด โมเดล” ของ บพท. ซึ่งเป็นกลไกสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้ธุรกิจชุมชนเกื้อกูล
ดังนั้น สินค้าที่ได้การรับรองจากมาตรฐาน AHSAN Trustmark จึงบ่งบอกถึงคุณภาพสินค้าและคุณค่าทางจิตใจและความศรัทธา โดยสินค้าจะต้องมาจากผู้ประกอบการที่มีหลักในการดำเนินธุรกิจชุมชน หรือ 5L ได้แก่ 1. Local Wisdom and Culture ในการดำเนินธุรกิจ จะต้องไม่ขัดกับหลักการศาสนาและวัฒนธรรมที่ดีงาม มีการสืบสานและต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น 2. Local Employment and Resources ยกระดับผู้ผลิตต้นน้ำ ให้มีการสร้าง/จ้างงานคนในพื้นถิ่น มีการใช้ทรัพยากรหรือวัตถุดิบในพื้นถิ่น หรือแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า และมุ่งเน้นในเรื่องของ 3. Local Community & Network สร้างเครือข่ายชุมชน หรือเครือข่ายธุรกิจชุมชน รวมกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนแบ่งปันองค์ความรู้ เทคนิค วัตถุดิบ โอกาสหรือตลาดรองรับสินค้า ทั้งยังทำให้เกิด 4. Local Economy โดยทำให้ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจชุมชนยาวขึ้น ชุมชนมีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตมากขึ้นและสามารถเติบโตไปด้วยกัน และ 5. Local Support การคืนกำไรกลับสู่สังคมเมื่อธุรกิจสามารถดำเนินไปจนกระทั่งมีกำไรสุทธิ ร้อยละ 2.5 หรือที่เรียกว่า “ซะกาต” เพื่อดูแล และแบ่งปันให้กับบุคคล 8 กลุ่มตามหลักการของศาสนาอิสลาม ทั้งนี้ผู้ประกอบการท้องถิ่นมักจะนำซะกาตไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ ขัดสน หากมีการจัดระบบซะกาตที่มีประสิทธิภาพจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคนได้อีกมากมาย จากกระบวนการวิจัยดังกล่าว นับเป็นการพัฒนาความเข้มแข็งในระบบซะกาตของประเทศไทยต่อไปด้วย
นอกจากนั้น การรับรองมาตรฐาน AHSAN Trustmark ยังมีเงื่อนไขว่า ผู้ประกอบการควรนำกำไรไม่ต่ำกว่าร้อยละ 1 ไปบริจาคเพื่อสาธารณะกุศล หรือ ที่เรียกว่า วากัฟ ซึ่งเป็นการให้โดยสมัครใจ บ่งบอกถึงการเสียสละเพื่อส่วนรวม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัฮซูม ย้ำว่า มาตรฐาน AHSAN Trustmark ไม่ได้พัฒนาขึ้นเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจชาวมุสลิมเท่านั้น แต่เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการธุรกิจทั่วไปทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศที่ต้องการจะส่งออกสินค้าให้กับผู้บริโภคชาวมุสลิม สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการขอรับรองมาตรฐานดังกล่าวได้ด้วย โดยยึดหลักธุรกิจชุมชน 5L-Localism ส่วนในเงื่อนไขการสนับสนุนชุมชน Local Support ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่มุสลิมสามารถนำหลักฐาน/ใบเสร็จการนำกำไรของธุรกิจไปบริจาค หรือให้คืนกลับสู่สังคมมาแสดงในการขอรับรองมาตรฐานได้เช่นกัน
“เจตนารมณ์แท้จริงเราต้องการให้ AHSAN Trustmark เป็นมาตรฐานรับรองทุกธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับหลักคิด Localism ทั่วประเทศไทย ดังนั้นการรับรองมาตรฐานสามารถยืดหยุ่นได้ในหลายระดับ เพียงแต่ใจความสำคัญคือ ทุกธุรกิจควรมีการเกื้อกูลชุมชน เศรษฐกิจฐานราก เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการขยับเศรษฐกิจฐานรากด้วยนั่นเอง นี่คือคุณค่าที่เราใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภคหรือตลาดเกี่ยวกับสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐานนี้”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัฮซูม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีที่ผ่านมาได้มีการนำร่องจำหน่ายสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐาน AHSAN Trustmark ในประเภทเสื้อผ้า ฮิญาบมุสลิม สืบเนื่องจากการทำงานวิจัยร่วมกับกรอบการวิจัย Local Enterprises ของ บพท. ในปีแรก (2565) ได้ทำให้เกิดการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการธุรกิจฮิญาบท้องถิ่นกว่า 10 ราย พร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายผู้ประกอบการที่เป็นทีมเวิร์คสามารถแลกเปลี่ยน แบ่งปัน และมีส่วนร่วมกันทั้งการพัฒนาความรู้ เทคนิค วัตถุดิบการผลิต การเงิน การบริหารและจับคู่ทางธุรกิจ การลดต้นทุน และตลาดผู้บริโภค ทำให้อัตราการเติบโตของยอดจำหน่ายรวมกันอยู่ที่ 48 ล้านบาท จากเดิมที่ต่างคนต่างทำเพื่อหากำไรและแข่งขันกันเองภายในพื้นที่ ดังนั้นในปีที่ 2 (2567) ของการวิจัยจึงใช้ธุรกิจฮิญาบเป็นสินค้านำร่อง ร่วมกับสินค้าอื่นๆ โดยยอดจำหน่ายสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐาน AHSAN Trustmark ของผู้ประกอบการ 15 รายนั้นมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 61
“มาตรฐาน AHSAN Trustmark จึงเป็นคานงัดที่ทรงพลังในการทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจชุมชนที่เข้ามาร่วมเรียนรู้และพัฒนาไปพร้อมกับ ม.ฟาฏอนี และ บพท. มีความเข้มแข็งและสามารถก้าวต่อได้ด้วยตัวพวกเขาเองอย่างยั่งยืน หรือที่เรามักพูดว่า “ปล่อยมือได้” เพราะนักวิจัยไม่สามารถอยู่กับผู้ประกอบการได้ตลอดไป แต่อย่างน้อยเราก็ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ให้เข้มแข็งขึ้นบ้างแล้ว”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัฮซูม ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันได้เกิดสถาบันมาตรฐาน AHSAN Trustmark โดยตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา และยังเปิดศูนย์นวัตกรรม AHSAN Trustmark เพื่อสร้างอาชีพนักศึกษาและชุมชน มหาวิทยาลัยฟาฏอนี ซึ่งมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญคอยทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกฝนทักษะอาชีพต่างๆ ให้ผู้สนใจ โดยในปีนี้ มีการนำร่องด้วยธุรกิจฮิญาบ
ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจยื่นขอการรับรองมาตรฐาน AHSAN Trustmark ในเบื้องต้นสินค้าและผลิตภัณฑ์ของท่านจะต้องผ่านการรับรองคุณภาพการผลิตขั้นพื้นฐานจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาก่อนตามมาตรฐานการผลิตสินค้าประเภทต่างๆ อาทิ การรับรองจากมาตรฐานอาหารและยา (อย.), มาตรฐานฮาลาล โดยเฉพาะสินค้าประเภทอาหาร ผู้สนใจสามารถเข้าไปแสดงความประสงค์ได้ที่ เว็บไซต์ AHSAN Trustmark จากนั้นจะมีกระบวนการตรวจเยี่ยมสถานประกอบการ และตรวจสอบคุณสมบัติตามมาตรฐาน 5L-Localism ที่กล่าวไว้ข้างต้น โดยกระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่นาน และมีค่าธรรมเนียมการรับรองมาตรฐาน 1,500 บาท ต่อประเภทสินค้า มีอายุการรับรองมาตรฐาน AHSAN Trustmark 1 ปี ซึ่งล่าสุดสถาบันมาตรฐาน AHSAN Trustmark สามารถให้การรับรองมาตรฐานให้แก่สินค้าได้ถึง 9 ประเภท ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ahsan-trustmark.org
4379