พิชัย เคาะปรับลดเก็บสต๊อก ค่าธรรมเนียม ช่วยเกษตรกร รายย่อย ส่งออกข้าว
พิชัย ประชุมคณะกรรมการปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว พ.ศ.2489 ไฟเขียวปรับลดการเก็บสต๊อกข้าวตามกฎหมาย เกษตรกร สหกรณ์ และรายย่อย ไม่ต้องเก็บ รายอื่นเก็บตามทุนจดทะเบียน คาดบังคับใช้สิ้นเดือน ม.ค.นี้ และปรับปรุงค่าธรรมเนียมใหม่ รายย่อยไม่ต้องเสีย รายอื่นเสียตามทุนจดทะเบียนเช่นเดียวกัน ตั้งเป้าบังคับใช้ มี.ค.68 มั่นใจเพิ่มโอกาสรายย่อยส่งออกข้าว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการปฏิบัติการตามพ.ร.บ.การค้าข้าว พ.ศ.2489 ครั้งที่ 1/2568 ว่า ได้มีมติปรับปรุงเงื่อนไขการเก็บสต๊อกข้าวตามกฎหมายของผู้ประกอบการใหม่ โดยหากเป็นกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ กรณีเป็นผู้ส่งออกทั่วไป และผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ ให้ยกเว้นการเก็บสต๊อก และกรณีเป็นผู้ส่งออกทั่วไป หากมีทุนจดทะเบียน 5-10 ล้านบาท เก็บสต๊อก 100 ตัน ทุน 10-20 ล้าน เก็บสต๊อก 500 ตัน และทุนมากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป เก็บสต๊อก 1,000 ตัน เพราะเป็นรายใหญ่ โดยจะมีผลบังคับใช้ภายในสิ้นเดือน ม.ค.2568 นี้
ส่วนค่าธรรมเนียม ได้ปรับปรุงใหม่ โดยกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ กรณีเป็นผู้ส่งออกทั่วไป และผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุหีบห่อ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม กรณีผู้ประกอบการที่เป็นผู้ส่งออกทั่วไป ทุน 5-10 ล้านบาท เสียค่าธรรมเนียม 1 หมื่นบาท ทุน 10-20 ล้านบาท เสียค่าธรรมเนียม 3 หมื่นบาท และทุน 20 ล้านบาทขึ้นไป เสียค่าธรรมเนียม 5 หมื่นบาท และผู้ประกอบการที่เป็นผู้ส่งออกข้าวสารบรรจุกล่องหรือหีบห่อ เสียค่าธรรมเนียม 1 หมื่นบาท โดยเรื่องค่าธรรมเนียม ต้องหารือกับกระทรวงมหาดไทยอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา คาดว่าจะเริ่มได้ภายในเดือน มี.ค.2568
สำหรับ การปรับปรุงกฎระเบียบนี้ กรมการค้าภายใน ได้เปิดรับฟังความเห็นของผู้ประกอบการค้าข้าว ทั้งผู้ส่งออก โรงสี ทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็ก ภาคเกษตรกร และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2567 ที่ผ่านมา ซึ่งทุกฝ่ายเห็นว่าเป็นประโยชน์ จะช่วยลดต้นทุน และเป็นการเปิดโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยสามารถส่งออกข้าวได้
ทั้งนี้ ในส่วนของการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ส่งออกข้าว กรมการค้าต่างประเทศ ได้ดำเนินการปรับลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียน จากเดิมใช้เวลาถึง 3 วัน เหลือเพียง 30 นาที โดยสามารถดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวก และลดต้นทุนการส่งออกข้าวให้กับเกษตรกร กลุ่มสหกรณ์ และ SME สามารถส่งออกข้าวได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“การปรับเงื่อนไขการส่งออกข้าว ทั้งเรื่องการเก็บสต๊อก การลดค่าธรรมเนียม และการลดขั้นตอนการขึ้นทะเบียนส่งออกข้าว เป็นไปตามนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการปลดล็อก ปรับลดเงื่อนไขการส่งออกข้าว และทลายทุนผูกขาด เพื่อเพิ่มโอกาสให้เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย สามารถส่งออกข้าวได้มากขึ้น และมั่นใจว่าในอนาคตจะมีผู้ส่งออกรายใหม่ๆ เข้ามาส่งออกข้าว และทำให้ยอดส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น”นายพิชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ จะดำเนินการต่อในระยะที่ 2 และ 3 เพื่อเป้าหมายการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็ก สามารถผลิตและแข่งขันกับต่างประเทศได้ ตามที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้เกิดการค้าข้าวเสรี โดยมีเป้าหมายยกเลิกสต๊อกและค่าธรรมเนียมทั้งหมด และจะเพิ่มความสะดวกในการจดทะเบียนผู้ส่งออกข้าวและผู้ประกอบการค้าข้าวได้ในครั้งเดียว โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการค้าภายใน และกรมการค้าต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเป็นผู้ส่งออกข้าว