BPP กางพอร์ตธุรกิจ ปี 2025 ลุยโตต่างประเทศต่อเนื่อง ทั้งใน สหรัฐฯ จีน และอินโดนีเซีย
- BPP ส่งมอบพลังงานไฟฟ้า อย่างมั่นคงและ ต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเกือบ 30 ปี
- ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจพลังงาน ที่เกี่ยวข้องกว่าร้อยละ 80 ในต่างประเทศ
- ตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิต 1,500 เมกะวัตต์จากธุรกิจ ก๊าซธรรมชาติภายในปี 2030 และต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ ในสามประเทศยุทธศาสตร์สำคัญ
- มั่นใจปัจจัยภายนอก อาทิ นโยบายลดค่าไฟฟ้าในประเทศ หรือเรื่องการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก Global Minimum Tax (GMT) ในอัตราขั้นต่ำ 15% ไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของบริษัทฯ
- ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ และนโนบาย ของรัฐบาลใหม่ จะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับ กระแสเงินสดและเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน
บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพระดับสากล มุ่งมั่นนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เกือบ 30 ปี สร้างการเติบโตในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ซึ่งกว่าร้อยละ 80 ของกำลังการผลิตไฟฟ้า เป็นการจำหน่ายไฟฟ้าในต่างประเทศเป็นหลัก โดยปัจจุบัน BPP มุ่งสร้างสมดุลของพอร์ตธุรกิจทั้งพลังงานความร้อน (Thermal Energy) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ในประเทศยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่อง
โดยมีโรงไฟฟ้าและโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมด 40 แห่ง กำลังผลิตทั้งหมด 3.6 กิกะวัตต์ตามสัดส่วนการลงทุน และตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า 1,500 เมกะวัตต์จากโครงการก๊าซธรรมชาติภายในปี 2030 โดยเน้นประเทศยุทธศาสตร์ เช่น สหรัฐฯ จีน และอินโดนีเซีย สำหรับโรงไฟฟ้าที่จำหน่ายไฟในประเทศไทย มีโรงไฟฟ้า 2 แห่ง ที่มีสัญญาซื้อขายระยะยาว PPA จ่ายไฟให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คือ โรงไฟฟ้า บีแอลซีพี จังหวัดระยอง
และโรงไฟฟ้าเอชพีซี ใน สปป. ลาว ที่เป็นกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าสำคัญของไทย บริษัทฯ มีความภูมิใจ ที่ 2 โรงไฟฟ้านี้ถือเป็นต้นแบบ โรงไฟฟ้าที่มีการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความน่าเชื่อถือสูง (High reliability) และดำเนินการผลิตไฟฟ้า ได้เต็มกำลังการผลิตตามคำสั่งของกฟผ. (Base load power plant with full capacity dispatch) ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากในการบริหารต้นทุนการผลิตโดยรวมของประเทศ (Cost effectiveness)
นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า “ด้วยการสนับสนุนจากราคาพลังงานและความต้องการใช้พลังงานในสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาของ AI และศูนย์ข้อมูล (Data Center) โดยในปี 2568 คาดว่าราคาซื้อขายไฟล่วงหน้าในตลาด ERCOT สำหรับปี 2568 เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปี 2567
อีกทั้ง บริษัทฯ จะมีกระแสเงินสดจากการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เพิ่มขึ้นกว่า 40% จากปี 2567 รวมถึงการเติบโตของกำไรของโรงไฟฟ้าในจีนจากต้นทุนถ่านหินที่คาดการณ์ว่าจะลดลง และรายได้จาก Carbon Emission Allowance ดังนั้นแม้จะมีความเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจหรือนโยบายพลังงานภายในประเทศที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนจากการที่บริษัทมีฐานการดำเนินงานในหลากหลายประเทศ ประกอบกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสริมสถานะการเงินที่แข็งแกร่งพร้อมรองรับการขยายการลงทุนต่อไปในอนาคต และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 4%-6% ต่อปี ในขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ยังเติบโตต่อเนื่องโดยเฉลี่ยมากกว่า 20% ต่อปี”
ถึงแม้ในปัจจุบันมีปัจจัยภายนอกที่ธุรกิจพลังงานกำลังเผชิญ อาทิ ความกังวลต่อนโยบายลดค่าไฟฟ้าหรือเรื่องการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำทั่วโลก Global Minimum Tax (GMT) ในอัตราขั้นต่ำ 15% จากบริษัทข้ามชาติที่มีรายได้ไม่น้อยกว่า 750 ล้านยูโร อย่างไรก็ตาม สำหรับ BPP นั้น นโยบายลดค่าไฟฟ้าในประเทศไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 ดำเนินการอยู่ในต่างประเทศ และโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งที่จำหน่ายไฟฟ้าในไทยล้วนเป็นสัญญาซื้อขายระยะยาว PPA ขณะที่ Global Minimum Tax (GMT) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2568 มีผลกระทบจำกัดต่อ BPP เนื่องจากในประเทศหลักที่เข้าไปลงทุน ทางบริษัทฯ มีการจ่ายภาษีในอัตราที่มากกว่า 15% อยู่แล้ว จึงไม่มีความเสี่ยงในเรื่องนี้
“เราเชื่อว่าธุรกิจพลังงานจะยังคงมีเสถียรภาพค่อนข้างมาก เนื่องจากไฟฟ้าเป็นปัจจัยพื้นฐานที่คนจำเป็นต้องใช้ รวมไปถึงเทรนด์พลังงานในอนาคตจะยิ่งเสริมให้ความต้องไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความสามารถในการทำกำไรในอนาคตของ BPP จะยังคงมีความยืดหยุ่นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตควบคู่ไปกับความยั่งยืน (Balancing Growth and Sustainability) ทั้งยังให้ความสำคัญกับการสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน” นายอิศรากล่าวปิดท้าย
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจ BPP ได้ที่ www.banpupower.com